Share:
หมวดหมู่: ไม่มีหมวดหมู่
รูปแบบการให้บิการ
1.การให้บริการกู้ยืมเงิน เป็นการบริการคนพิการ และผู้ดูแลคนพิการ เพื่อเป็นทุนประกอบอาชีพหรือขยายกิจการ รายบุคคลรายละไม่เกิน 60,000 บาท รายกลุ่ม กลุ่มละไม่เกิน 1 ล้านบาท ผ่อนชำระภายในระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี โดยไม่คิดดอกเบี้ย ทั้งนี้ หากมีผู้ประสงค์จะกู้ยืมเงินเกินกว่าวงเงินที่กำหนด ให้มีการพิจารณาเป็นราย ๆ ไป โดยไม่เกิน 120,000 บาท
2. การสนับสนุนโครงการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เป็นตามระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ว่าด้วยการพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินเพื่อการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และการจัดทำรายงานสถานะการเงินและการบริหารกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2552
3.ส่งเสริมการจ้างงานคนพิการ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้คนพิการมีงานทำ มีรายได้เพียงพอสำหรับการดำรงชีพ ลดภาระของสังคม และพัฒนาให้คนพิการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตลอดจนสามารถดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ของความเป็นมนุษย์
ดาวน์โหลดเอกสาร
หลักเกณฑ์การเสนอโครงการ
- วัตถุประสงค์ขององค์กรที่เสนอคืออะไร โครงการที่เสนอต้องสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ขององค์กร
- ความเชื่อมโยงระหว่างโครงการกับยุทธศาสตร์สังคมระดับต่าง ๆ ผลสำเร็จของโครงการสามารถนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายทางยุทธศาสตร์
- วัตถุประสงค์ กลุ่มเป้าหมาย กิจกรรม และวิธีการดำเนินโครงการ ผลผลิตสอดคล้องกันหรือไม่
- ความร่วมมือและบทบาทของภาคีเครือข่าย เช่น อปท. องค์กรของรัฐ หน่วยงานในพื้นที่
- ความสัมพันธ์กับโครงการอื่น หลีกเลี่ยงความซ้ำซ้อน
- ผลผลิต ผลลัพธ์ ตัวชี้วัดโครงการ สามารถเกิดขึ้นจริง
- มีตัวชี้วัดที่จะบ่งบอกถึงความสัมฤทธิ์ของโครงสร้าง
- ลักษณะโครงการแสดงให้เห็นถึงความยั่งยืน ความต่อเนื่องหรือมีกลไกที่ขยายผลต่อไปได้
- ศักยภาพและแผนการบริหารจัดการมีความสมเหตุสมผล
- การมีส่วนร่วมของผู้ที่เกี่ยวข้องโครงการ ทั้งกลุ่มที่ส่งผลกระทบต่อความสำเร็จ ของโครงการหรือกลุ่มที่อาจจะได้รับผลกระทบจากโครงการ เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมในการบริหารบุคคลเหล่านี้
- งบประมาณของโครงการ ควรแยกตามหมวดหมู่ค่าใช้จ่าย มีความสมเหตุสมผลและคุ้มประโยชน์
- ระยะเวลาในการดำเนินโครงการ ควรระบุช่วงเวลาการทำงานในโครงการที่ชัดเจน วันเริ่มต้น วันสิ้นสุด และระยะเวลาในแต่ละกิจกรรม
- มีรูปแบบ วิธีการประเมินผลที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม
- 14.องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมทบงบประมาณหรือวัสดุอุปกรณ์ ตามความหมาะสม
- ไม่เป็นโครงการที่เป็นงานประจำของหน่วยงาน
- เป็นโครงการที่มีงบประมาณสมทบจากองค์กร
- ส่งเสริมการจัดสวัสดิการชุมชนแก่สมาชิก
- เป็นโครงการที่มีนวัตกรรม
ผู้มีสิทธิขอรับการสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม
- องค์กรสาธารณประโยชน์ ได้แก่ มูลนิธิ สมาคม หรือองค์กรเอกชนที่มีวัตถุประสงค์ในการจัดสวัสดิการสังคม และได้รับการจดทะเบียนรับรองเป็นองค์กรสาธารณประโยชน์
- องค์กรสวัสดิการชุมชน ได้แก่ องค์กรภาคประชาชนที่จัดตั้งขึ้นโดยวัตถุประสงค์ในการจัดสวัสดิการสังคมให้แก่มาชิกในชุมชน หรือปฏิบัติงานด้านการจัดสวัสดิการสังคมของเครือข่ายองค์กรสวัสดิการชุมชน
- หน่วยงานของรัฐ ได้แก่ กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น ซึ่งมีฐานะเป็นกรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการบริหารส่วนท้องถิ่นรัฐวิสาหกิจ
เอกสารดาวน์โหลด
กองทุนคุ้มครองเด็ก จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ เป็นทุนใช้จ่ายในการสงเคราะห์ คุ้มครองสวัสดิภาพ และส่งเสริมความประพฤติเด็ก รวมทั้งครอบครัวและ ครอบครัวอุปถัมภ์ของเด็กโดยมีคณะอนุกรรมการบริหารกองทุนคุ้มครองเด็กกรุงเทพมหานคร/จังหวัด มีอำนาจหน้าที่ บริหารกองทุนคุ้มครองเด็กในจังหวัดให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบประกาศและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง พิจารณาและอนุมัติจ่ายเงินเพื่อการสงเคราะห์คุ้มครองสวัสดิภาพ และส่งเสริมความประพฤติเด็ก รวมทั้งครอบครัว ครอบครัวอุปถัมภ์ของเด็กในกรณีคำขอเป็นรายบุคคล และคำสั่งศาลซึ่งเป็นไปตามระเบียบ คณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ ว่าด้วย การบริหารกองทุน การพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงิน และรายงาน สถานะการเงิน และการบริหารกองทุนคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2548 รวมทั้งพิจารณและอนุมัติจ่ายเงินเพื่อสนับสนุน โครงการของหน่วยงานภาครัฐและองค์กรภาคเอกชนที่ขอรับเงินสนับสนุนไม่เกินโครงการละ150,000 บาท (หนึ่งแสนห้าหมื่นบาทถ้วน) ทั้งนี้เป็นไปตามมติคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2553 เห็นชอบให้ขยายกรอบวงเงินโครงการเพิ่ม จากเดิมจังหวัดละ 200,000 บาท เป็นจังหวัดละ 300,000 บาท โดยกำหนดให้คณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการระดับจังหวัด มีอ านาจกลั่นกรอโครงการไม่เกินโครงการละ 150,000 บาท และพิจารณาอนุมัติเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการที่ได้รับการอนุมัติ จากกองทุนคุ้มครองเด็กแล้ว รวมทั้งรายงานสถานะการเงินและการบริหารกองทุนคุ้มครองเด็กในจังหวัดให้คณะกรรมการคุ้มครองเด็กกรุงเทพมหานคร/จังหวัดและคณะกรรมการบริหารกองทุนคุ้มครองเด็กเพื่อทราบหรือพิจารณาในทุกสองเดือน
กลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับการสนับสนุนจากกองทุน
1. บุคคลเป้าหมาย แบ่งได้ดังนี้
1.1 เด็ก หมายความว่า บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ แต่ไม่รวมถึงผู้ที่บรรลุนิติภาวะ
ด้วยการสมรส ประกอบด้วย
ก. เด็กที่พึงได้รับการสงเคราะห์ (มาตรา 32) ได้แก่
1) เด็กเร่ร่อนหรือเด็กกำพร้า
2) เด็กที่ถูกทอดทิ้งหรือพลัดหลง ณ ที่ใดที่หนึ่ง
3) เด็กที่ผู้ปกครองไม่สามารถอุปการะเลี้ยงดูได้ด้วยเหตุผลใด ๆ เช่น ถูกจำคุก กักขัง พิการ ทุพพลภาพ เจ็บป่วยเรื้อรัง ยากจน เป็นผู้เยาว์ หย่า ถูกทิ้งร้าง เป็นโรคจิต หรือโรคประสาท
4) เด็กที่ผู้ปกครองมีพฤติกรรมหรือประกอบอาชีพไม่เหมาะสมอันอาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางร่างกายหรือจิตใจของเด็กที่อยู่ในความปกครองดูแล
5) เด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูโดยมิชอบ ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำหรือแสวงหา ประโยชน์โดยมิชอบ ถูกทารุณกรรมหรือตกอยู่ในภาวะอื่นใดอันอาจเป็นเหตุให้เด็กมีความประพฤติเสื่อมเสีย ในทางศีลธรรมอันดี หรือเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
6) เด็กพิการ
7) เด็กที่อยู่ในสภาพยากลำบาก
8) เด็กที่อยู่ในสภาพที่จำต้องได้รับการสงเคราะห์ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
ข. เด็กที่พึงได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพ (มาตรา 40) ได้แก่
1) เด็กที่ถูกทารุณกรรม
2) เด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด
3) เด็กที่อยู่ในสภาพที่จำต้องได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพตามที่กำหนดใน กฎกระทรวง
ค. นักเรียน นักศึกษาที่พึงได้รับการส่งเสริมความประพฤติที่เหมาะสม
1.2 ครอบครัว หรือครอบครัวอุปถัมภ์ หมายถึง ผู้ซึ่งให้การอุปการะเลี้ยงดูเด็กที่ประสบ
ปัญหาความเดือดร้อนด้านค่าใช้จ่ายในการสงเคราะห์และหรือคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก และไม่ได้รับความ ช่วยเหลือจากแหล่งทุนอื่น หรือได้รับแต่ไม่เพียงพอ
2. องค์กรที่ปฏิบัติงานด้านเด็ก ประกอบด้วย
2.1 หน่วยงานภาครัฐ หมายถึง กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นซึ่งมี ฐานะเป็นกรม ราชการส่วนภูมิภาค หน่วยงานส่วนกลางที่ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาค โรงเรียนหรือสถาบันการศึกษา ของรัฐ ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่ดำเนินการตามวัตถุประสงค์และกิจการเพื่อ การสงเคราะห์ คุ้มครองสวัสดิภาพ และส่งเสริมความประพฤติเด็ก รวมทั้งครอบครัวและครอบครัวอุปถัมภ์
2.2 องค์กรภาคเอกชน หมายถึง องค์กรที่บุคคลรวมกันขึ้นเพื่อด าเนินการตามวัตถุประสงค์ และกิจการในการสงเคราะห์ การคุ้มครองสวัสดิภาพ และการส่งเสริมความประพฤติเด็ก รวมทั้งครอบครัวและ ครอบครัวอุปถัมภ์ประเภทรายการค่าใช้จ่ายที่ให้การสนับสนุน
(ตามประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนคุ้มครองเด็ก เรื่อง หลักเกณฑ์การก าหนดวงเงินและรายการที่ให้การสนับสนุน จากกองทุนคุ้มครองเด็ก เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2550)
(1) รายบุคคล เช่น
1.1) ค่าเลี้ยงดู/ ค่าอุปโภคบริโภค / ค่าพาหนะ
1.2) ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการศึกษาและอุปกรณ์การศึกษาสำหรับเด็ก (ระดับประถมศึกษา,
ระดับมัธยมศึกษา, ระดับอาชีวศึกษา )
1.3) ให้เงินทุนประกอบอาชีพ
1.4) ค่ารักษาพยาบาล / ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับกายอุปกรณ์แก่เด็กพิการ
1.5) ค่าใช้จ่ายในการส่งตัวเด็กไป 5 สถาน/ ค่าดำเนินงานของผู้คุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก
1.6) ค่าตรวจ DNA ส าหรับเด็กไร้สถานะบุคคล
(2) รายโครงการ เช่น
2.1) เป็นโครงการที่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์จังหวัด หรือท้องถิ่น
2.2) เป็นโครงการที่เกิดการบูรณาการกับหน่วยงานต่าง ๆ ในท้องถิ่นเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนงาน ในภาพรวมของจังหวัด (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน)
2.3) เป็นโครงการที่แก้ไขปัญหาในพื้นที่ ,หรือสอดคล้องกับสถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้น หรือจัดทำโครงการตามข้อมูลที่ได้จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น งานวิจัย, สรุปสภาวการณ์ ปัญหาของหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ (สาธารณสุข, แรงงานจังหวัด ฯลฯ)
2.4) เป็นโครงการที่เกิดจากความต้องการของชุมชน (ต้องแสดงให้เห็นถึงการระดมความคิดเห็น เช่น การจัดเวทีประชาคม, เปิดเวทีระดมความคิดเห็นในระดับพื้นที่/ชุมชน เป็นต้น)
2.5) เป็นโครงการพัฒนาระบบคุ้มครองเด็ก, พัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนในพื้นที่
2.6) เป็นโครงการส่งเสริมศักยภาพครอบครัวให้สามารถดูแลบุตรการยื่นเรื่องขอรับการสนับสนุน สามารถยื่นได้ ณ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ซึ่งเด็กมีภูมิลำเนาหรือ ถิ่นที่อยู่ หรือสำนักพัฒนาสังคม กรุงเทพมหานคร ในกรณีเด็กมีภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ในท้องที่กรุงเทพมหานคร
เอกสารดาวน์โหลด
กองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 โดย มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนใช้จ่ายสำหรับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยจะให้การช่วยเหลือผู้เสียหายจากการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ และให้การสนับสนุนโครงการเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของหน่วยงานภาครัฐและองค์กรเอกชนด้านการป้องกัน และปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
การให้การสนับสนุนของกองทุน แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่
รายบุคคลให้การช่วยเหลือผู้เสียหายจากการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์
- คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์ขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนคือ เป็นผู้เสียหายจากการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ โดยกองทุนสามารถให้ความช่วยเหลือได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
– การช่วยเหลือผู้เสียหายจากการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์
– การคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ผู้เสียหายจากการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์
– การช่วยเหลือผู้เสียหายจากการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ในต่างประเทศให้เดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักรหรือถิ่นที่อยู่ - การยื่นขอรับความช่วยเหลือ
– ในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอมีภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นที่สำนักป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้าหญิงและเด็ก กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ
– ในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอมีภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ในเขตจังหวัดใด ให้ยื่นที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนั้น - หลักฐานประกอบการยื่นขอรับความช่วยเหลือ
– คำขอรับความช่วยเหลือตามแบบฟอร์มที่กำหนด (แนบท้ายประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการอนุมัติการใช้เงินและทรัพย์สินของกองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์)
– สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาทะเบียนบ้านในเขตจังหวัดที่ขอรับการช่วยเหลือ พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
– หลักฐานประกอบอื่น ๆ เช่น ใบเสร็จรับเงิน เป็นต้น - ประเภทรายการที่สามารถให้ความช่วยเหลือ ประกอบด้วย
– ค่าใช้จ่ายในการครองชีพ
– ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล รวมถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าพาหนะ ค่าอาหารระหว่างติดต่อรักษาพยาบาล
– ค่าใช้จ่ายในการบำบัดฟื้นฟูทางร่างกายและจิตใจ
– ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ในระหว่างที่ไม่สามารถประกอบการงานได้ตามปกติ
– ค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือเป็นเครื่องอุปโภคบริโภค
– ค่าใช้จ่ายในการจัดหาที่พัก
– ค่าใช้จ่ายในการศึกษาหรือฝึกอบรม
– ค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายหรือการดำเนินคดีเพื่อเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน หรือตามคำสั่งศาล
– ค่าใช้จ่ายในการส่งกลับไปยังประเทศเดิมหรือภูมิลำเนาของผู้เสียหาย
– ค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือผู้เสียหายในต่างประเทศให้เดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักร หรือถิ่นที่อยู่
– ค่าใช้จ่ายในกรณีอื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการบริหารกองทุนอนุมัติเป็นการเฉพาะราย
***รายละเอียดเพิ่มเติมตามประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการอนุมัติการใช้เงินและทรัพย์สินของกองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการ ค้ามนุษย์ ประกาศ ณ วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2552
รายโครงการสนับสนุนการดำเนินโครงการเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของหน่วยงานภาครัฐหรือองค์กรเอกชน
1. คุณสมบัติของหน่วยงาน/องค์กรที่ขอรับเงินสนับสนุน
– หน่วยงานภาครัฐ หมายถึง กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น ซึ่งมีฐานะเป็นกรม หรือเทียบเท่ากรม หรือเทียบเท่ากอง/สำนัก ราชการส่วนภูมิภาค หน่วยงานส่วนกลางที่ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาค สถานีตำรวจ โรงเรียน หรือ สถาบันการศึกษาของรัฐ ราชการส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่ดำเนินการตามวัตถุประสงค์หรือกิจกรรมเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการ ค้ามนุษย์
– องค์กรเอกชน หมายถึง องค์กรที่บุคคลรวมกันขึ้นและได้จดทะเบียนด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ตาม พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 *
(*องค์กรที่จะเสนอโครงการขอรับการสนับสนุนจากกกองทุน จะต้องดำเนินการจดทะเบียนองค์กรเอกชนด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ก่อน โดยรายละเอียดการยื่นคำขอจดทะเบียน จะเป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ว่าด้วยการจดทะเบียนองค์กรเอกชนด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2552)
2 การเสนอโครงการ
ให้หน่วยงานภาครัฐและองค์กรเอกชนจัดทำรายละเอียดโครงการตามแบบการเสนอโครงการขอรับเงินกองทุน เพื่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ประจำปี…. (แบบ กปค.01) ซึ่งประกอบด้วยข้อมูล 2 ส่วน คือ
ส่วนที่ 1 ข้อมูลทั่วไป
ส่วนที่ 2 รายละเอียดข้อมูลโครงการขอรับการสนับสนุนเงินกองทุน (แยกตามรายโครงการ) โดยจะต้องจัดทำข้อมูลโครงการให้มีรายละเอียดที่ชัดเจน พร้อมทั้งแนบเอกสารตามที่กำหนดไว้ในแบบฟอร์มให้ครบถ้วนสมบูรณ์ เพื่อประโยชน์ต่อการพิจารณาโครงการ
อนึ่ง สำหรับระยะเวลาการรับโครงการ กองทุนจะเปิดรับตลอดปี
- การกำหนดกรอบวงเงินโครงการ
– วงเงินที่ต่ำกว่า 50,000 บาท หมายถึง โครงการขนาดเล็ก
– วงเงินตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป แต่ไม่เกิน 300,000 บาท หมายถึง โครงการขนาดกลาง
– วงเงินที่เกิน 300,000 บาทขึ้นไป แต่ไม่เกิน 3,000,000 บาท หมายถึง โครงการขนาดใหญ่
ในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อการดำเนินโครงการ ซึ่งมีวงเงินเกิน 3,000,000 บาทขึ้นไป ให้เสนอต่อคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์พิจารณาเป็นรายกรณีไป
4. การพิจารณาโครงการ
กรณีเป็นหน่วยงานภาครัฐ ต้องเป็นโครงการที่ริเริ่มใหม่ หรือเป็นโครงการที่ไม่สามารถขอรับการสนับสนุนจากงบประมาณปกติได้ หรือได้รับแต่ไม่เพียงพอ กรณีเป็นองค์กรเอกชน ต้องเป็นโครงการที่มีการดำเนินงานมาแล้ว ซึ่งมีทุนอยู่บางส่วน หรือเป็นโครงการริเริ่มใหม่ ทั้งนี้
5. โครงการนั้นต้องไม่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากส่วนราชการหรือแหล่งทุนอื่น หรือได้รับแต่ไม่เพียงพอสำหรับลักษณะโครงการที่จะได้รับการสนับสนุน ได้แก่ โครงการลักษณะดังต่อไปนี้
– โครงการที่ดำเนินการเกี่ยวกับการป้องกันปัญหาการค้ามนุษย์ทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว และชุมชน
– โครงการพัฒนาระบบการให้ความช่วยเหลือและคุ้มครองผู้เสียหาย
– โครงการที่ดำเนินงานทางกฎหมายและการปราบปราม
– โครงการฟื้นฟูเยียวยาและการคืนสู่สังคม
– โครงการจัดทำและพัฒนาระบบข้อมูล การติดตามและการประเมินผล
– โครงการพัฒนากลไกการบริหารงานและการจัดการในด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์
– โครงการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ
– โครงการอื่นตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์กำหนด
ทั้งนี้ ลักษณะโครงการจะต้องมีวัตถุประสงค์และกระบวนการในการดำเนินงานชัดเจน มีผลต่อการแก้ไขปัญหาการช่วยเหลือ หรือการคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหาย หรือการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ รวมทั้งเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของบุคคล หรือหน่วยงาน หรือประชาชนเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหา การช่วยเหลือ หรือการคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหาย หรือการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์
- การยื่นขอรับการสนับสนุน
- กรณีองค์กรที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุน ประสงค์จะดำเนินโครงการในเขตกรุงเทพฯ ให้ยื่นที่กองบริหารกองทุน สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
- กรณีองค์กรที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุน ประสงค์จะดำเนินโครงการในจังหวัดใด ให้ยื่นต่อสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนั้น ๆ เพื่อพิจารณาในเบื้องต้นก่อนนำส่งสำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์